ข้อดีข้อหนึ่งสำหรับวัฒนธรรมของคนไทยก็คือ เรามีการทักทายผ่านการไหว้ และไม่ได้มีการสัมผัสมือหรือสวมกอดกันแต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นการเว้นระยะในระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตามวิถีชีวิตของคนไทยทั่วไปนั้นไม่ได้เน้นระเบียบสักเท่าไหร่นัก ทำให้การเว้นระยะห่างทางสังคมได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงเรา เช่น การเข้าแถว เว้นระยะเก้าอี้ หรือการใช้ฉากกั้นในสถานที่ต่างๆ ทั้งร้านอาหาร ธนาคารหรือสถานที่ราชการต่างๆ เพื่อลดการสัมผัสให้มากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือที่เราเรียกว่า New Normal ทั้งนี้ก็เพราะว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 สามารถติดต่อกันผ่านละอองน้ำลายที่กระจายไปได้ไกลประมาณ 2 เมตร หากเราเว้นระยะทางสังคมไว้จะทำให้เราสามารถป้องกันไวรัสนี้ได้บ้าง หากจำเป็นต้องออกไปข้างนอกจริงๆ
การทำงานจากบ้าน (Work From Home)
การเว้นระยะห่างทางสังคมเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราก็คือ การทำงานที่บ้านของตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่สังคมไทยไม่ได้ปฏิบัติมาก่อน การทำงานจากที่บ้านและมีการประชุมผ่านสังคมออนไลน์แทน ทำให้เราไม่ได้ติดต่อกันโดยตรงและลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้หากมีคนติดเชื้อไวรัสแฝงตัวเข้ามาในสถานที่ทำงาน รวมถึงเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราสามารถติดต่อกันง่ายและเสถียรมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน Line, Zoom หรือ Google Meetings รวมถึงทำให้เราลดการเดินทางไปทำงานที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวันด้วย
การสั่งสินค้าออนไลน์
แม้ว่าแพลตฟอร์มของสินค้าออนไลน์จะเกิดขึ้นและเป็นที่นิยมมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว แต่การเกิดขึ้นของโควิด-19 ทำให้ช่องทางออนไลน์เป็นสิ่งที่จำเป็นมากขึ้น ไม่ว่าเป็นการสั่งอาหารและสินค้าในชีวิตประจำวันต่างๆ เนื่องจากข้อบังคับการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้การเลือกสินค้าและสั่งอาหารออนไลน์จึงถือเป็น New Normal สำหรับสังคมไทยเช่นกัน อีกทั้งการแข่งขันของธุรกิจส่งสินค้าที่ทำให้การสั่งสินค้าออนไลน์สะดวกมากขึ้นสำหรับคนในยุคปัจจุบันและช่วยให้เราใช้ชีวิตในช่วงกักตัวได้ง่ายขึ้น
การหลีกเลี่ยงการชุมนุมและพบปะสังสรรค์
นับตั้งแต่การเกิดขึ้นของโควิด-19 ทำให้รัฐต่างๆ มีการสั่งปิดสถานที่ต่างๆ เพื่อให้การพบปะของผู้คนน้อยที่สุด เช่นการสั่งปิดสนามกีฬาต่างๆ สวนสาธารณะ ร้านอาหาร ผับบาร์และตลาด ทำให้ผู้คนต้องกักตัวและถือเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคม แม้ว่าบางประเทศอย่าง สิงค์โปรจะยังมีการเปิดสวนสาธารณะเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตภายนอกบ้างก็ตาม เพื่อรักษาสุขภาพกายและจิตของคนที่นั่น แต่มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมก็ยังถูกใช้อยู่และจะไม่มีการเข้าใกล้กันเกิน 2 เมตรเช่นเดิม
แม้ว่าในประเทศไทยของเราจะมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นบ้างแล้วและมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ในสังคมเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แต่ทว่าเรายังไม่สามารถวางใจได้หากมีการแพร่ระบาดอีกครั้งจะเกิดอะไรขึ้นในสังคมบ้าง ฉะนั้นการใช้ชีวิตแบบใหม่ (New Normal) ของเราก็ยังควรมีการเว้นระยะห่างทางสังคม ไว้เช่นเดิม การหลีกเลี่ยงผู้คนแม้จะยังคงต้องออกไปใช้ชีวิตอย่างเดิมเพราะนอกจากปัญหาทางสุขภาพแล้ว เรื่องเศรษฐกิจก็ยังต้องดำเนินต่อไปผ่านประชาชนในประเทศที่ถือเป็นกำลังสำคัญเช่นกัน