การอาบน้ำฝักบัวอาจถูกหลายคนมองข้าม เมื่อเทียบกับการได้นอนแช่น้ำในอ่างจากุซซี่แล้ว มันช่างต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ใครจะรู้บ้างว่าการอาบน้ำธรรมดาแบบการอาบน้ำฟักบัวนั้นกลับมีขั้นตอนที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย และที่สำคัญหากทำตามครบถ้วนอย่างถูกต้องทุกขั้นตอนแล้วละก็ ร่างกายของเราจะได้รับประโยชน์มหาศาลเลยทีเดียว

คำแนะนำในการอาบน้ำฝักบัวอย่างถูกวิธีจากผู้เชี่ยวชาญ

ถ้าอยู่ ๆ ผิวของเราเกิดหมองคล้ำ หรือเส้นผมกลับหยาบกระด้างขึ้นมาแล้วละก็ ไม่ต้องตกใจกันไป เพียงแค่ทำตามคำแนะนำในการอาบน้ำฝักบัวของผู้เชี่ยวชาญอย่าง Edward Tricomi สไตลิสต์ขั้นเทพ ผู้ก่อตั้ง Warren – Tricomi Salons และ Dr. Elizabeth Tanzi แพทย์ผิวหนัง กรรมการผู้จัดการและกรรมการร่วมแห่ง Washington Institute of Dermatologic Laser Surgery ทุกอย่างก็จะกลับมาดูดีได้ดังเดิมอีกครั้ง

และนี่คือ 10 เทคนิคการอาบน้ำฝักบัวให้ได้ผล

  1. หลายคนอาจมองว่าน้ำเย็นช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนได้ดี จึงเลือกที่จะอาบน้ำเย็นมากกว่า แต่รู้หรือไม่ว่าน้ำอุ่นนั้นเหมาะสมที่สุดในการอาบน้ำ เพราะไม่ทำให้ผิวแห้ง แต่ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำที่มีความร้อนมาก ๆ เนื่องจากจะทำให้ผิวของเราสูญเสียน้ำมันธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกาย การอาบน้ำร้อนเป็นอันตรายต่อความสมดุลของกรดในร่างกาย นำไปสู่การสูญเสียกรดเกลือ วิตามินซี ส่วนการอาบน้ำเย็นช่วยเพิ่มระดับอะดรีนาลีนในร่างกาย ส่งผลให้เกิดความเครียด ดังนั้น น้ำอุ่นพอประมาณจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดการนำน้ำร้อนและน้ำเย็นมารวมกันส่งผลดี คือ ช่วยกระตุ้นระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ระบบย่อยอาหาร การเสริมสร้างและซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ระบบประสาท ลดอาการเจ็บปวด เพิ่มระดับการเผาผลาญไขมัน คาร์โบไฮเดรต เพิ่มการแลกเปลี่ยนก๊าซในร่างกาย โดยจะเริ่มต้นอาบน้ำจากด้านบนไปด้านล่าง เพื่อให้ฟองสบู่ชำระล้างได้หมด แต่ถ้าใครมีสิว หรือมีแนวโน้มที่จะเป็นสิวได้ง่าย เราแนะนำให้ล้างหน้า หน้าอก และหลัง หลังจากที่สระผมเสร็จแล้ว นอกจากนี้การอยู่ในน้ำนาน ๆ อาจทำให้ผิวและผมแห้งได้ โดยเฉพาะคนที่มีการอักเสบของผิวหนัง หรือผิวที่แห้งมาก ควรอาบน้ำไม่เกิน 5 นาที หรือใช้เวลาในการอาบน้ำให้สั้นที่สุด
  2. หวีผมก่อนสระ เวลาผมเปียก ผมจะได้ไม่พันกัน ควรเลือกใช้หวีแปรงผมที่เป็นพลาสติก ก่อนเริ่มสระผมให้ราดน้ำบริเวณโคนผมก่อนด้วยน้ำอุ่น หลังจากอาบน้ำเสร็จ ให้หวีผมเบา ๆ อีกครั้ง
  3. ใส่ใจในการใช้แชมพูสระผม เวลาสระผมไม่ควรเทแชมพูไปที่ศีรษะโดยตรง แต่ให้เทแชมพูปริมาณ ¼ ลงบนฝ่ามือ แล้วถูให้เกิดฟองก่อนชโลมให้ทั่วศีรษะ ฟอกเบา ๆ ให้ทั่ว รวมไปถึงบริเวณท้ายทอย โดยเฉพาะสาวผมยาว เนื่องจากบริเวณนี้เป็นส่วนที่มีความมันมากที่สุด ขณะที่สระผม ให้เอามือนวดบริเวณหนังศีรษะอย่างน้อย 30-60 วินาทีก่อนล้างออก จะช่วยทำให้ผมสะอาด มีชีวิตชีวามากขึ้น แถมยังช่วยเรื่องของการไหลเวียนโลหิต กระตุ้นให้ผมยาวเร็วขึ้นกว่าเดิม สาวคนไหนที่ชอบสระผมบ่อย ๆ ควรหยุดพฤติกรรมนี้ เพราะการสระผมบ่อยเกินไป อาจทำให้ผมแห้ง เกิดรังแคที่หนังศีรษะ โดยเฉพาะคนที่ทำสีผม หรือคนที่มีผมหงอก และที่สำคัญอย่าลืมทำความสะอาดหนังศีรษะสัปดาห์ละครั้งด้วย
  4. อย่าใช้ครีมนวดผมหลายครั้ง หลายคนเข้าใจว่าครีมนวดผมจะช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ความจริงแล้ว เวลาที่ใช้ครีมนวดผมนั้น เส้นผมของเราจะพองขึ้นจากอนุภาคของน้ำ ทำให้ครีมนวดผมที่เราใช้นั้นไม่สามารถซึมเข้าไปที่เส้นผมได้มากนัก มันจึงช่วยแค่เคลือบชั้นผมให้นิ่มลื่นเท่านั้น ดังนั้นสาวคนไหนที่ชอบนวดผมหลาย ๆ ครั้งก็ควรหยุดซะ เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถ้าอยากให้เส้นผมสุขภาพดีขึ้น การใช้ Hair Mask อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
  5. หลังสระผมแล้ว ควรล้างออกด้วยน้ำเย็น ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า น้ำอุ่นจะช่วยเปิดรูขุมขนบริเวณศีรษะ และน้ำเย็นจะช่วยปิดรูขุมขนนั้น ควรล้างผมด้วยน้ำเย็นที่สุด เพียงเท่านี้ผมก็จะสวยเงางามตามต้องการแล้ว
  6. อย่าใช้ฟองน้ำหรือไหมขัดตัวถ้าไม่จำเป็น สบู่ก้อนถือเป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าสาวคนไหนชื่นชอบสบู่เหลวมากกว่าเราก็ไม่ว่ากัน เพียงแต่ต้องหมั่นเปลี่ยนฟองน้ำ หรือไหมขัดตัวบ่อย ๆ อย่างน้อยเดือนละครั้ง และต้องทำให้มันแห้งทุกวันหลังใช้ด้วย แพทย์ผิวหนังยืนยันว่ามันคือแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ และสิ่งสกปรกทั้งหลายนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว สาวคนไหนที่มีปัญหาเรื่องผิว โดยเฉพาะสาวผิวแห้ง ควรเลือกผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอไรเซอร์เพื่อคืนความชุ่มชื่นสู่ผิว อ้อ! เวลาอาบน้ำ ควรเน้นจุดที่สกปรกที่สุดเสมอ โดยเฉพาะบริเวณใต้วงแขน ขาหนีบ และเท้า
  7. ใส่ใจกับการล้างหน้า ควรล้างหน้าครั้งแรกด้วยน้ำอุ่น เพราะรูขุมขนจะเปิดออกเพื่อให้บรรดาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่าง ๆ ได้แทรกซึมเข้าไปได้อย่างเต็มที่ เมื่อเสร็จภารกิจการฟอกหน้าแล้ว ให้ล้างออกด้วยน้ำเย็น น้ำเย็นจะช่วยปิดรูขุมขน เพื่อป้องกันไม่ให้แบคทีเรียต่าง ๆ เข้าสู่ผิวได้
  8. อย่าขัดหน้าบ่อย การขัดหน้ามีข้อดีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วบนใบหน้าให้ออกไป เพื่อการเติบโตของเซลล์ใหม่ แม้ว่ามันจะดีต่อผิว แต่ก็ไม่ควรทำซ้ำ ๆ กัน ควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น ไม่อย่างนั้นอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  9. ถ้าจำเป็นต้องโกนหนวด หรือขนหน้าแข้ง ให้ทำหลังสุด นั่นคือ หลังจากที่เราอาบน้ำฟักบัวเสร็จแล้ว เพราะการอาบน้ำทำให้เส้นขนเปียก แต่ไม่พองมากจนเกินไปจากความร้อนและไอน้ำ เมื่อโกนขนออก ขนที่อยู่ด้านในผิวนั้นจะพองตัวขึ้น และจะหดลงเมื่อแห้ง ทำให้ขนงอกช้า
  10. ทาโลชั่นทันที ขั้นตอนนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด ห้ามละเลยอย่างเด็ดขาด คำแนะนำคือ หลังอาบน้ำเสร็จให้เช็ดด้วยผ้าเช็ดตัวพอหมาด จากนั้นทาโลชั่นทันที วิธีนี้จะช่วยล็อกน้ำให้อยู่ในผิว ทำให้ผิวชุ่มชื่น ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม คนที่มีผิวแห้ง แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดครีมแทนการใช้โลชั่นที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ หรือสารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์เป็นกรด (AHA) บริเวณตามข้อพับต่าง ๆ บริเวณระหว่างนิ้วเท้า ขาหนีบ รักแร้ ควรเช็ดให้แห้งสนิท เพื่อลดผื่นคัน และลดการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้

การอาบน้ำฝักบัวกับหลักการทำ Contrast Bath

Contrast Bath คือ การอาบน้ำอุ่นและน้ำเย็นสลับกัน เพื่อลดอาการปวดบวม ถ้าเราไม่มีอ่างอาบน้ำ เราก็สามารถทำ Contrast Bath ผ่านการอาบน้ำฝักบัวได้ เพียงแค่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ดังนี้

  1. ตรวจสอบอุณหภูมิของห้องน้ำ ไม่ควรต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส
  2. ควรทำหลังจากรับประทานอาหารอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
  3. ควบอบอุ่นร่างกาย หรือทำให้ร่างกายอุ่นก่อนอาบน้ำ
  4. เริ่มอาบน้ำร้อนก่อน 2-3 นาที โดยน้ำร้อนควรมีอุณหภูมิอยู่ที่ 41-43 องศาเซลเซียส แล้วตามด้วยน้ำเย็น 20-30 วินาที โดยน้ำเย็นควรมีอุณหภูมิอยู่ที่ 14-15 องศาเซลเซียส ถ้าน้ำในฟักบัวไม่เย็นพอ อาจใช้น้ำแช่น้ำแข็งแทนได้ ทำสลับกัน 5-11 ครั้ง โดยก่อนเริ่มอาบให้แช่มือหรือขาในน้ำร้อนก่อน 40-60 วินาที แล้วตามด้วยน้ำเย็นประมาณ 15-20 วินาที ทำสลับกัน 4-5 ครั้งก่อนเริ่มอาบน้ำ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบย่อยอาหาร และกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงอวัยวะและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย
  5. อาจสิ้นสุดขั้นตอนด้วยการอาบน้ำเย็นเพื่อกระตุ้นร่างกาย หรืออาบน้ำร้อนเพื่อผ่อนคลายก็ได้
  6. หลังอาบน้ำแล้ว ควรเช็ดตัวให้แห้ง

เห็นไหมว่าการอาบน้ำฟักบัวนั้นมีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย เราเองก็สามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ เหล่านี้ได้ โดยไม่ต้องง้ออ่างอาบน้ำเลยล่ะ

Recommended Posts

Leave a Comment