เคล็ด (ไม่) ลับการดูแลผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการทาครีมกันแดดทุกวันเพื่อเป็นปราการชั้นแรกให้กับผิวหน้า ปกป้องการถูกทำร้ายโดยรังสียูวีและมลพิษที่อยู่รอบตัวเรา การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั้งในตอนเช้าและก่อนนอน รวมถึงการเช็ดล้างทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนซิ่งให้ถูกวิธี และเลือกให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์เมคอัพที่ใช้ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน แต่คลีนซิ่งที่ว่ายังมีความแตกต่างกันถึง 8 ประเภทเลยทีเดียว แต่ละประเภทมีคุณสมบัติอย่างไร และสาว ๆ ควรเลือกใช้แบบไหน เราจะมาไขข้อสงสัยให้เพื่อน ๆ เองค่ะ

คลีนซิ่งแต่ละประเภทมีส่วนประกอบของอะไรบ้าง และมีคุณสมบัติอย่างไร

หลักการเบื้องต้นของคลีนซิ่งคือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดเครื่องสำอาง โดยเครื่องสำอางส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมที่เป็นน้ำมันและที่ไม่ใช่น้ำมัน ยิ่งเป็นเมคอัพที่ติดทนนานยิ่งมีส่วนผสมของน้ำมันในปริมานมาก ดังนั้น คลีนซิ่งทุกประเภทจึงมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำมันในปริมาณที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติการทำความสะอาดที่ต้องการ (ซึ่งเจ้าแอลกอฮอล์และน้ำมันยังแบ่งย่อยได้อีกหลายประเภท ทั้งที่มีคุณประโยชน์และโทษกับผิวของเราแตกต่างกันออกไป ในบทความนี้ขอยังไม่พูดถึงในรายละเอียดนะคะ) คลีนซิ่งจึงมีทั้งที่เป็นแบบมีน้ำมันในปริมาณมากและน้อยหรือเป็นสารที่มีลักษณะคล้ายน้ำมันและสามารถทำความสะอาดน้ำมันได้นั่นเอง เรามาดูกันว่าคลีนซิ่งแต่ละประเภทมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

1.คลีนซี่งวอเตอร์ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบน้ำ ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของ Micellar Water ที่มีลักษณะเป็นของเหลวใสคล้ายน้ำ ทำหน้าที่ดูดซับเมคอัพและสิ่งสกปรกต่าง ๆ รวมถึงน้ำมันส่วนเกินออกจากผิวหน้า แต่ยังคงความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าได้เป็นอย่างดี ทำให้เมื่อใช้คลีนซี่งวอเตอร์แล้วจะรู้สึกสบายหน้า

ข้อบ่งชี้ : คลีนซี่งวอเตอร์จะต้องใช้คู่กับสำลีและสามารถใช้ทำความสะอาดกับเมคอัพเบา ๆ แบบ Everyday Look ได้ดี เหมาะกับวันที่แต่งหน้าสบาย ๆ ไม่เหมาะกับมาสคาร่าหรืออายไลน์เนอร์ที่กันน้ำ

ข้อควรระวัง : คลีนซี่งวอเตอร์บางยี่ห้อมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก ซึ่งก่อให้เกิดการระคายเคือง กระตุ้นการแพ้และการเกิดสิวได้ง่าย ถึงแม้ว่าแอลกอฮอล์จะเป็นส่วนผสมที่ช่วยให้เมื่อใช้แล้วจะรู้สึกเย็นสบายหน้าก็ตาม

2.คลีนซี่งเจล หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบเจล มีคุณสมบัติหลักคือการทำความสะอาดเมคอัพ สิ่งสกปรก และน้ำมันออกจากผิวหน้า โดยแต่ละแบรนด์จะมีส่วนผสมค่อนข้างหลากหลาย ทั้งที่มี Micellar รูปแบบเจลและส่วนผสมอื่น ๆ แล้วแต่แบรนด์จะเพิ่มตัวบำรุง คลีนซี่งเจลไม่ทำให้หน้าแห้งตึงหลังใช้และคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่ายมาก ๆ

ข้อบ่งชี้ : คลีนซี่งเจลไม่จำเป็นต้องใช้คู่กับสำลีจึงลดการระคายเคืองที่เกิดจากสำลีได้ดี สามารถทำความสะอาดผิวหน้าด้วยการนวดวนให้ทั่วใบหน้า รอบดวงตา และปาก ล้างออกด้วยน้ำเปล่าได้ และให้ความรู้สึกสะอาดสดชื่น

ข้อควรระวัง : คลีนซี่งเจลบางยี่ห้ออาจมีส่วนผสมที่ปรับสมดุลผิวให้มีค่ากรด-ด่าง (PH) เป็นกลาง จึงทำให้รู้สึกร้อนแสบหน้าได้สำหรับบางคน ส่วนตัวผู้เขียนเคยใช้คลีนซี่งเจลไปซักพักแล้วหายแสบร้อนหน้าและไม่เกิดอาการแพ้ จึงขอแนะนำสาว ๆ ให้ดูส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ก่อนเลือกซื้อค่ะ

3.คลีนซี่งมิลค์ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรน้ำนม ที่เรียกว่าสูตรน้ำนมเพราะว่าลักษณะและผิวสัมผัสจะมีความคล้ายกับน้ำนมซึ่งเกิดจากตัวผสาน (Emulsifier) ที่ทำหน้าที่รวมให้น้ำและน้ำมันไม่แยกชั้นกันนั่นเอง จึงทำให้คลีนซี่งมิลค์สามารถทำความสะอาดเมคอัพได้ดีพอสมควร เพราะสามารถดูดซับน้ำมันในเครื่องสำอางกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง

ข้อบ่งชี้ : คลีนซี่งมิลค์ไม่จำเป็นต้องใช้คู่กับสำลี ส่วนใหญ่มีส่วนผสมที่อ่อนโยนกับผิวหน้าและไม่ทำให้หน้าแห้งตึง และยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้นหลังล้างหน้าอีกด้วย

ข้อควรระวัง : คลีนซี่งมิลค์แต่ละแบรนด์มีส่วนผสมที่เป็นน้ำมันมากน้อยแตกต่างกันออกไป จึงอาจไม่เหมาะกับสาว ๆ ที่แต่งหน้าติดแน่นทนน้ำบ่อย ๆ เพราะอาจทำความสะอาดได้ไม่หมดจดนั่นเอง

4.คลีนซี่งออยล์ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรน้ำมัน มีส่วนผสมของน้ำมันที่มีคุณสมบัติช่วยดูดซับเครื่องสำอางหนัก ๆ ที่ติดทนกันน้ำให้หลุดออกจากใบหน้าได้อย่างหมดจด เพราะน้ำมันสามารถเป็นตัวทำละลายส่วนผสมที่เป็นน้ำมันด้วยกันในเครื่องสำอางได้ จึงทำให้สามารถทำความสะอาดเมคอัพหนัก ๆ ได้ง่ายโดยไม่ต้องออกแรงขัดถูให้ผิวหน้าระคายเคือง

ข้อบ่งชี้ : คลีนซี่งออยล์ไม่จำเป็นต้องใช้คู่กับสำลี สามารถใช้นวดวนบริเวณที่รอบดวงตาและปากที่ใช้เครื่องสำอางกันน้ำ ถูเบา ๆ แล้วล้างออกก็สามารถขจัดสิ่งสกปรกบนใบหน้าออกได้ และส่วนผสมของน้ำมันบางชนิดที่เป็น Essential Oil ยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นได้ดีอีกด้วย

ข้อควรระวัง : คลีนซี่งออยล์มีส่วนผสมของน้ำมันเป็นจำนวนมาก ทำให้หลังใช้อาจรู้สึกเหนอะหนะหน้าได้ หากไม่มั่นใจในส่วนผสมของน้ำมันที่อาจก่อให้เกิดการอุดตันแนะนำว่าผู้ที่เป็นสิวอุดตันง่ายควรหลีกเลี่ยงค่ะ

5.คลีนซี่งบาล์ม หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเนื้อบาล์ม จะมีคุณสมบัติคล้าย ๆ กับคลีนซี่งออยล์ คือใช้ทำความสะอาดเครื่องสำอางติดแน่นกันน้ำได้ดี อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวหน้าให้มีความชุ่มชื้น และไม่แห้งตึงหลังใช้

ข้อบ่งชี้ : คลีนซี่งบาล์มบางแบรนด์เมื่อโดนน้ำจะกลายเป็นน้ำนมทำให้ล้างออกง่าย

ข้อควรระวัง : หากล้างทำความสะอาดคลีนซี่งบาล์มไม่ดี จะทำให้เกิดการอุดตันได้

6.คลีนซิ่งไวป์ หรือทิชชู่ทำความสะอาดเครื่องสำอาง เป็นผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งเหมาะกับการพกพาไปที่ต่าง ๆ เพราะไม่ทำให้หกเลอะเทอะ และสามารถใช้เช็ดทำความสะอาดหน้าแล้วทิ้งได้เลย ไม่ต้องใช้สำลี ไม่ต้องใช้น้ำเปล่า ส่วนผสมน้ำยาทำความสะอาดของแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกันออกไป และเนื้อทิชชู่ก็มีความแตกต่างกันเช่นกัน

ข้อบ่งชี้ : คลีนซิ่งไวป์สามารถใช้ทำความสะอาดเมคอัพได้ปานกลาง จากที่เคยลองใช้อยู่บ้างพบว่าประสิทธิภาพการทำความสะอาดไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจเท่าที่ควร ยังสู้คลีนซิ่งแบบอื่นไม่ได้

ข้อควรระวัง : คลีนซิ่งไวป์อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย เนื่องจากทิชชู่ที่อยู่ในห่อกับของเหลวเป็นเวลานาน ๆ สามารถทำให้เกิดแบคทีเรียซึ่งเป็นต้นเหตุของการแพ้ได้ ถ้าใช้เป็นบางครั้งที่แต่งหน้าเบา ๆ เฉพาะช่วงที่ไปเที่ยวก็สะดวกดีค่ะ

7.คลีนซิ่งครีม หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเนื้อครีม มีคุณสมบัติคล้ายกับคลีนซิ่งมิลค์ เนื่องจากมีลักษณะเนื้อสีขาวที่เกิดจากส่วนผสมที่เป็นอิมัลซิฟายเออร์ มีความอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย และทำความสะอาดเมคอัพได้ดีปานกลาง

ข้อบ่งชี้ : คลีนซิ่งครีมสามารถใช้ได้กับผิวธรรมดาจนถึงผิวแห้ง เพราะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว

ข้อควรระวัง : คลีนซิ่งครีมมีเนื้อผลิตภัณฑ์ค่อนข้างหนาจึงง่ายต่อการอุดตัน

8.เมคอัพรีมูฟเวอร์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดเครื่องสำอางหนัก ๆ อย่างบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก มีลักษณะเป็นน้ำและน้ำมันแยกชั้นกันชัดเจน

ข้อบ่งชี้ : เมคอัพรีมูฟเวอร์ช่วยให้ทำความสะอาดเมคอัพหนัก ๆ โดยจะต้องใช้คู่กับสำลี เหมาะกับการใช้ทำความสะอาดเฉพาะจุดมากกว่าใช้ทำความสะอาดทั้งหน้า

ข้อควรระวัง : เมคอัพรีมูฟเวอร์มีส่วนผสมของน้ำมันปริมาณมาก และควรใช้เช็คเครื่องสำอาจอย่างเบามือ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ง่าย

ควรเลือกใช้คลีนซิ่งให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และสภาพผิวเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับผิวหน้า

จะเห็นได้ว่าคลีนซิ่งที่มีอยู่ในท้องตลาดจำนวนมากมีคุณสมบัติแตกต่างกันนั้น ก็เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและสภาพผิวของแต่ละคนอยู่แล้ว ดังนั้น สาว ๆ ที่กำลังมองหาคลีนซิ่งจะต้องถามตัวเองก่อนว่ามีไลฟ์สไตล์ในการแต่งหน้าอย่างไร ใช้เครื่องสำอางกันน้ำอยู่เป็นประจำหรือแต่งหน้าเบา ๆ ก็สามารถที่จะเลือกผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับเครื่องสำอางที่ใช้ รวมถึงผลลัพธ์หลังจากใช้คลีนซิ่งแล้วไม่ทำให้หน้าแห้งตึงหรือทิ้งความมันส่วนเกินบนผิวหน้ามากจนเกินไป สาว ๆ ควรสังเกตสภาพผิวของตนเองว่าระหว่างวันมีความมันส่วนเกินมากหรือไม่ หรือผิวหน้าแห้งขาดน้ำระหว่างวันหรือไม่ เพราะจะส่งผลต่อการเลือกใช้คลีนซิ่งตามไปด้วย ทั้งนี้นอกจากการเลือกครีมบำรุงผิวแล้วคลีนซิ่งก็เป็นขั้นตอนดูแลผิวหน้าที่สำคัญไม่แพ้ขั้นตอนอื่น ๆ

Recommended Posts

Leave a Comment