ปัจจุบันยานพาหนะโดยเฉพาะในเรื่องของรถยนต์ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเราเป็นอย่างยิ่ง แล้วในตอนนี้ก็มีกระแสในเรื่องของรถไฟฟ้าออกมาให้เราได้เป็นตัวเลือกอีก 1 ช่องทาง สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเลือกรถยนต์ในรูปแบบการใช้ระบบเชื้อเพลิงแบบน้ำมัน หรือจะเป็นการใช้ระบบเชื้อเพลิงแบบไฟฟ้าแบบไหนจะดีกว่ากัน ลองมาดูข้อเปรียบเทียบ ลองตัดสินใจกันดูว่าแบบไหนที่จะเหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด
3 ข้อแตกต่างระหว่างรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์น้ำมัน
1. การเติมน้ำมัน และชาร์จไฟ
ขอเปรียบเทียบที่มีการถกเถียงกันอย่างมากมาย จะเป็นในเรื่องของเวลาในการเติมน้ำมันหรือการชาร์จไฟ สำหรับในส่วนของรถที่ใช้เชื้อเพลิงเป็นน้ำมัน มักจะใช้เวลาในการเติมน้ำมันไม่เกิน 5 นาที มีปั๊มน้ำมันเป็นจำนวนมาก สามารถใช้งานรถได้ระยะทาง/มากกว่า 500 กิโลเมตร ต่อการเติมน้ำมัน 1 ครั้ง
แต่สำหรับรถไฟฟ้าโดยทั่วไป จะต้องใช้เวลาในการชาร์จไฟมากกว่า
2. การซ่อมบำรุงดูแลรักษา
รถน้ำมันนั้นเราจะต้องเข้าไปซ่อมบำรุงดูแลรักษาทุก 10,000 กิโลเมตร หรือภายในระยะเวลา 6 เดือน มีการเปลี่ยนถ่ายของเหลวอย่างเช่น น้ำมันเครื่อง และกรองต่าง ๆ
แต่สำหรับรถไฟฟ้าจะมีการซ่อมบำรุงหรือตรวจเช็ก 1 ปีต่อ 1 ครั้ง หรือ 20,000 กิโลเมตร และไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายของเหลว จึงไม่มีค่าใช้จ่ายระหว่างการใช้งานตรงนี้ รถยนต์น้ำมันมีให้บริการมากมาย
ในเรื่องของศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมบำรุงดูแลรักษา รถน้ำมันมีมากเพียงพอครอบคลุมทั่วประเทศ แต่สำหรับรถไฟฟ้าต้องเข้าศูนย์บริการของแบรนด์เพียงอย่างเดียว
3. อายุการใช้งาน
ถ้าพูดถึงอายุการใช้งาน รถยนต์น้ำมัน 1 คันอาจจะใช้งานได้ยาวนาน ถ้าเราทำการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันมีรถที่อายุมากแล้ว แต่ยังคงสวยงามและใช้งานบนท้องถนนให้พบเห็นได้ทั่วไป
แต่รถไฟฟ้าเพิ่งจะนำเข้ามาในเมืองไทย ใช้งานกันอยู่ประมาณ 10 ปี ก็ยังต้องดูกันต่อไปว่าในเรื่องของระบบกลไกระยะยาว เราสามารถใช้งานได้ยาวนานขนาดไหน
4. ราคา
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือ “ราคารถ” เมื่อเรานำมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งจะว่าไปแล้วปัจจุบันรถยนต์น้ำมันก็จะมีราคาที่สูงกว่ารถไฟฟ้ามากกว่า
โดยเบื้องต้นก็จะเห็นว่า การเปรียบเทียบในแต่ละด้านก็มีข้อเสียที่แตกต่างกันไป สำหรับการตัดสินใจซื้อรถคันแรกสำหรับการใช้งาน ลองเปรียบเทียบดู ในหลาย ๆ เรื่องกันเพิ่มเติมอีกสักนิด แล้วเราก็จะได้เจอรถที่ใช้งานแบบสบายใจ ปลอดภัยและ ใช้งานได้อย่างยาวนาน