ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันหน้ากากอนามัยกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่ทุกคนจะต้องมีพกติดตัวไว้ตลอดเวลา ภาพผู้คนสวมใส่หน้ากากอนามัย สามารถพบเห็นได้จนเป็นที่ชินตา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ฝุ่น PM 2.5 และวิกฤติการณ์การระบาดของไวรัส Covid-19 เรามักมองว่าคนใส่หน้ากากอนามัยส่วนมากต้องเป็นคนป่วยหรือคนที่เป็นโรคเท่านั้น

แม้ว่าตอนนี้การสวมใส่หน้ากากจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ก็ยังมีคำถามมากมายเกี่ยวกับเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของหน้ากากที่ไม่ได้มาตรฐาน ทั้งเรื่องที่หน้ากากอนามัยขาดตลาด ทำให้เกิดการเร่งผลิตจนไม่คำนึงถึงวัสดุที่นำมาใช้ ว่าได้มาตราฐานความปลอดภัยหรือไม่ การนำเข้าส่งออกอย่างผิดกฎหมาย การหลอกขายหน้ากากในราคาที่แพงกว่าปกติและไม่มีคุณภาพ ทำให้พบหน้ากากอนามัยที่บาง ใส่แล้วเกิดผื่นแพ้ และหน้ากากที่มีกลิ่นของพลาสติก ซึ่งก่อให้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้สวมใส่ตามมา

ปัญหาเหล่านี้ทำให้เกิดกระแสหน้ากากอนายมัยแบบผ้า ที่มีทั้งการผลิตเพื่อจำหน่ายและตัดเย็บไว้ใช้เอง จนมีกระแสข่าวมากมายเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ที่ว่าหน้ากากแบบผ้านั้นสามรถป้องกันไวรัส Covid-19 และเชื้อโรคต่าง ๆ ได้จริงหรือไม่ หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานควรมีคุณสมบัติอย่างไร และในปัจจุบันหน้ากากอนามัยมีกี่รูปแบบ?

หากพูดถึงหน้ากากอนามัยในปัจจุบัน สามรถแบ่งออกเป็นแบบต่าง ๆ ดังนี้

1.หน้ากากกระดาษ

หน้ากากแบบนี้เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป นิยมใช้ในทางการแพทย์ พบเห็นได้ตามโรงพยาบาลและร้านขายยาทั่วไป รวมถึงตามโรงงานสถานประกอบการต่าง ๆ หน้ากากประเภทนี้เป็นหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง ผลิตจากใยสังเคราะห์ (PPSB) และมีแผ่นกรองที่สามารถกรองที่สามรถป้องกันเชื้อโรคได้ ซึ่งหน้ากากอนามัยกระดาษจะมีทั้งแบบ 3 ชั้น และ 4 ชั้น โดยที่หน้ากาก 4 ชั้นจะเพิ่มชั้นกรองของ Activated Carbon ที่สามรถป้องกันกลิ่นจากสารเคมีระเหยจำพวกน้ำมัน สีในอุตสาหกรรม กาว และ ทินเนอร์ได้

2.หน้ากาก N95

หน้ากากอนามัย N95 ที่เคยเป็นกระแสขาดแคลนในช่วงในช่วงเกิดฝุ่น PM2.5 เนื่องจากหน้ากาก N95 มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก และเชื้อโรคขนาดเล็กต่าง ๆ ซึ่งชื่อหน้ากากอนามัย “N95” ก็มาจากประสิทธิภาพที่สามารถกรองฝุ่นละอองได้ถึง 95% นั้นเอง

3.หน้ากากผ้า

ในปัจจุบันมันการผลิตถักทอเส้นใยพิเศษแบบต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อผลิตหน้ากากอนามัยแบบผ้า เพื่อทดแทนหน้ากากแบบกระดาษที่ขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้น อีกทั้งหน้ากากอนามัยแบบผ้ายังสามารถนำไปซักแล้วนำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายครั้ง ทำให้ประหยัดทรัพยากรและลดค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้สวมใส่ แต่เดิมหน้ากากอนามัยแบบผ้าไม่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กและเชื้อโรคขนาดเล็กได้ จึงได้มีการคิดค้นหน้ากากอนามัยผ้าแบบกันน้ำขึ้นมา เพื่อให้สามารถป้องกันละอองสารคัดหลั่งได้ ซึ่งตอบโจทย์และเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกเพศทุกวัน เนื่องจากผ้าที่นำมาผลิตมีให้เลือกหลายสี หลายลาย และราคาไม่แพง

เลือกหน้ากากอนามัยให้เหมาะสมกับการใช้งาน และไม่ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

  1. สำหรับบุคคลทั่วไปพนักงานออฟฟิศที่ไม่ได้มีความใกล้ชิดกับผู้ป่วยหรือสถานพยาบาล สามารถใช้หน้ากากผ้าแบบกันน้ำที่สามารถซักได้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการซื้อหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง
  2. สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และบุคคลที่ต้องเดินทางไปสถานพยาบาล ควรใช้หน้ากากอนามัยกระดาษที่มี 3 ชั้นขึ้นไป หรือหน้ากาก N95 แต่หน้ากากอนามัย N95 นั้นมีราคาค่อนข้างสูง หากต้องใช้ทุกวันหน้ากากอนามัยกระดาษแบบใช้แล้วทิ้งจึงมีคุ้มค่าและประหยัดมากกว่า
  3. และสำหรับผู้ที่ทำงานในสถานประกอบการ โรงงาน ที่ประกอบการเกี่ยวกับการผลิตสี ทินเนอร์ น้ำมัน กาวหรือสารเคมีระเหยชนิดอื่น ๆ ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยแบบ 4 ชั้น ที่มีชั้นกรองของ Activated Carbon เพื่อดูดซับกรองกลิ่นของสารเคมี

สุดท้ายนี้การสวมใส่หน้ากากอนามัยไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ไม่ใช่แค่สำหรับผู้ป่วยหรือบุคลากรทางการแพทย์ หน้ากากอนามัยเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถป้องกันตัวเราเองให้ปลอดภัยจากฝุ่นละอองและเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ การเลือกหน้ากากอนามัยที่เหมาะสมกับการใช้งานและได้มาตราฐานจึงสำคัญเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

 

Recommended Posts

Leave a Comment