ทิ้งก่อนแล้วค่อยเก็บ เริ่มจากคำถามในใจ ว่าทำไมผมใช้พื้นที่ห้องนี้ไม่คุ้มค่าเช่าเลย คือมีของที่เก็บ มากกว่าพื้นที่ใช้สอย หลังจากวันนั้น ผมก็เริ่มหาข้อมูลพยายามจัดห้องใหม่ แล้วก็พบกับคำว่า ทิ้งก่อนแล้วค่อยเก็บ เป็นทางออกของเรื่องนี้
ทิ้งก่อนแล้วค่อยเก็บ คือ ประโยคหลักที่ใช้เตือนตัวเอง ระหว่างการพิจารณานิสัยเสียของตัวเองเจอ คือ ผมเป็นคน “ทิ้งของยาก เลยใช้วิธีเก็บทุกอย่าง” จนกระทั่งมาพบคำตอบย้ำเตือนตัวเองซ้ำ ในวันหนึ่ง ที่เปิดตู้เก็บของแล้วเจอรองเท้าคู่โปรดที่เก็บไว้ในกล่องนานหลายปี พื้นหลุดลุ่ยใช้การไม่ได้ จากความเสียดายรองเท้าคู่นั้น ก็คิดอะไรต่อมิอะไร ไปเรื่อย พร้อมกับคำถามในใจตัวเองว่า…เราจะทิ้งของได้ก็ต่อเมื่อมันพังหรอ…แล้วถ้ามันไม่เสียหาย เราจะเก็บมันไว้แบบนี้ตลอดไปเลยหรือ จนมาเจอหนังสือ 3 เล่มนี้ หน้าปกเล่มแรกที่ทำให้ผมสะดุดแล้วหยิบออกมาจาก ชั้นวาง คือวลีที่ว่า… “อะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป” ทำให้ผมร้องว้าวในใจ มันช่างคล้ายกับคำว่า ทิ้งก่อนแล้วค่อยเก็บ ความหมายที่ผมตามหาพอดี
เมื่อตัดสินใจซื้อทั้งสามเล่ม แล้วเริ่มอ่านแล้วเล่มแรก อะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป เขียนโดย ซะซะกิ ฟุมิโอะ ผมรู้สึกว่า..ฮาร์ทคอร์ไปสำหรับผมนะ เพราะพี่คนเขียนแกเล่นทิ้งทุกอย่าง ให้เหลือแค่เสื่อ ผืน หมอนใบ อะไรประมาณนั้น และที่หนักใจผมเป็นที่สุดคือ พี่แกบอกว่า รูปถ่ายจดหมายแฟนเก่าที่เคยเขียนถึงกัน ให้ถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วทิ้ง…โอ้ย…คนที่ทิ้งอะไรไม่เก่งแบบผมทำใจไม่ได้ อ่านไปแย้งไป มีบางอย่างที่เห็นด้วย แต่ก็มีหลายอย่างที่ขัดใจ อ่านจบแล้ววางนิ่งไปอีกหลายอาทิตย์ ครุ่นคิด เรื่อง ทิ้งก่อนแล้วค่อยเก็บ มาเรื่อย ๆ จนกระทั่ง ความคิดมาตกตะกอนที่ สองเล่มที่เหลือ
“ชีวิตดีขึ้นทุก ๆ ด้าน ด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว” โดย คนโด มาริเอะ ผมรู้สึกว่า สองเล่มนี้ ผู้เขียนตั้งใจแยกหนังสือออกเป็นสองเล่มตามกระบวนการสร้างความเข็มแข็งให้จิตใจใน เรื่องการทิ้งของผู้อ่าน เมื่ออ่านจบ พบว่านี่แหละ คือทางสายกลางสำหรับตัวเรา เพราะนักเขียนคนนี้ เค้าให้ทิ้งก่อน เลือกเก็บเท่าที่จำเป็นแล้วจัดมันให้เข้าที่เข้าทาง ช่างตรงกับ ทิ้งก่อนแล้วค่อยเก็บ วลีที่ผมค้นหาความหมายมานานเสียจริง แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ จากประสบการณ์ส่วนตัว เราก็ไม่ได้ทิ้งของได้ทันทีแล้วเก็บให้เข้าที่ทางเป็นระเบียบตามหนังสือว่าไว้เลย ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่เราเอามาปรับใช้ให้เหมาะสม ของบางชิ้นมันมีคุณค่าทางจิตใจในวันนี้กับเรา วันหน้าอาจจะไม่มีเหลืออยู่เลยก็ได้ และทุกอย่างเวลาจะตอบคำถามนั้นได้เอง
วันนี้ผมได้คำตอบจากหนังสือ ทั้ง 3 เล่มนี้แล้ว… ช่วง ปีที่ผ่านมา ผมทิ้งของไป 3 รอบ บริจาค 4 ครั้ง เอาไปประกาศขาย มือ สอง 20 กว่าชิ้น ของใช้ที่ไม่จำเป็นยังไม่ลดลงตามเป้าเลย เดือนนี้ ผมจะหยิบมาอ่านใหม่อีกรอบ เสาร์-อาทิตย์นี้จะเริ่มทิ้งของอีกครั้ง แล้วคุณล่ะมองไปรอบตัวแล้ว รู้สึกอยากจะทิ้งอะไรบ้างไหม…ลองหยิบหนังสือสามเล่มนี้มาอ่านนะครับ แล้วคุณจะเพลิดเพลินไปกับคำว่า ทิ้งก่อนแล้วค่อยเก็บ