หน้ากากอนามัยนั้นถูกคิดค้นและผลิตออกมาจัดจำหน่ายหลากหลายรูปแบบด้วยกัน แต่มี 3 รูปแบบหลัก ๆ ที่เราพอจะคุ้นหูคุ้นตาอยู่บ้าง นั่นก็คือ หน้ากากผ้า หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และหน้ากาก N95 โดยทั้ง 3 รูปแบบนี้ถูกนำไปใช้งานในลักษณะเดียวกัน คือ ปิดปากเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่ออกจากตัวเรา และป้องกันการรับเชื้อโรคจากผู้อื่น แล้วในสถานการณ์แบบนี้ ควรเลือกใช้หน้ากากแบบไหนถึงจะสดวก และปลอดภัยที่สุด

การเลือกใช้หน้ากากอนามัยให้เหมาะสมกับสถานการณ์

อันดับแรก เราจะต้องทราบก่อนว่าตัวของเรานั้นจัดเป็นผู้ได้รับผลกระทบในกลุ่มใด โดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้

  1. กลุ่มผู้อยู่อาศัยทั่วไป หรือผู้ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย และไม่มีอาการป่วยหรืออาการผิดปกติของร่างกายเลย
  2. กลุ่มผู้ที่คาดว่าจะต้องเจอกับผู้ป่วย เช่น หมอ,พยาบาล หรือผู้ที่มีธุระติดต่อในพื้นที่เสี่ยง และผู้อยู่อาศัยในพื้นที่เสี่ยง
  3. กลุ่มหมอ พยาบาล ที่ต้องดูแลผู้ป่วย COVID-19 โดยตรง

เมื่อทราบแล้วว่าตัวเรานั้นจัดอยู่ในผู้ที่ได้รับผลกระทบกลุ่มใด เราจะสามารถเลือกหน้ากากอนามัยที่เหมาะสมกับสถานการณ์และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ต้องใช้งานจริง ๆ

หากท่านทราบว่า ท่านอยู่ในกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบกลุ่มที่ 1 หรือกลุ่มผู้อยู่อาศัยทั่วไป โดยในกลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อน้อยที่สุด แต่ก็ถือว่ายังมีโอกาสติดเชื้อได้อยู่ ดังนั้นหน้ากากที่ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมนั้นคือ หน้ากากแบบผ้า ในส่วนของผ้าที่นำมาผลิตเป็นหน้ากากผ้านั้น จะต้องเป็นผ้าชนิด ผ้าฝ้าย, ผ้าใยสังเคราะห์ และผ้าสาลู เพราะผ้าเหล่านี้เมื่อนำไปซักแล้วเส้นใยของผ้าจะมีขนาดเล็กลงเหลือเพียง 1 ไมครอน ในขณะที่เชื้อไวรัส COVID-19 มีขนาด 5 ไมครอน จึงทำให้มีเปอร์เซ็นต์ในการป้องกันเชื้ออยู่ที่ 54-59% เลยทีเดียว แต่ควรซักหรือเปลี่ยนวันละครั้งเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค

ในกรณีที่ท่านมีความจำเป็นต้องเข้าไปยังพื้นที่เสี่ยง หรือเป็นผู้ที่มีอาชีพที่ต้องพบเจอกับผู้คนอยู่เสมอ เช่น พนักงานส่งอาหาร, หมอ, พยาบาล และพนักงานขับรถโดยสาร ในส่วนนี้จัดเป็นผู้ได้รับผลกระทบกลุ่มที่ 2 การเลือกใช้หน้ากากจึงจำเป็นต้องมีมาตรฐานในการป้องกันสูง ดังนั้นจึงควรเลือกใช้เป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคได้เป็นอย่างดีนั้นเอง

และในกลุ่มสุดท้าย นั้นคือกลุ่มผู้ที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ในกลุ่มนี้จะจัดอยู่ในสายอาชีพหมอ, พยาบาล หรือหน่วยงานที่ลงพื้นที่ฆ่าเชื้อ และรับตัวผู้ติดเชื้อ มีความจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากาก N95 เป็นอย่างน้อย เพราะผู้ได้รับผลกระทบในกลุ่มนี้จะมีโอกาสในการติดเชื้อสูงที่สุด และต้องใช้เครื่องป้องกันอื่น ๆ ร่วมด้วยเพื่อความปลอดภัยของตนเอง

หากหาหน้ากากอนามัยไม่ได้เลย ทำอย่างไรดี

เมื่อเราทราบแล้วว่าเราอยู่ในกลุ่มที่ผู้ได้รับผลกระทบกลุ่มใด นั้นก็เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการป้องกันตัวเราจากโรคระบาดนี้ได้แล้ว กรณีที่ท่านไม่สามารถหาหน้ากากอนามัยได้เลย แต่ตัวของท่านยังจัดเป็นผู้ได้รับผลกระทบกลุ่มที่ 1 อยู่ ท่านสามารถออกจากบ้านได้ เพียงแต่หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่น หรือมีผู้ป่วย ไม่ว่าจะป่วยด้วยโรคอะไรก็ไม่ควรเข้าใกล้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ในกรณีที่ไม่มีหน้ากากก็ไม่แนะนำให้ออกจากบริเวณตัวบ้าน หรือสถานที่ที่ปลอดภัย

แต่หากว่าท่านจัดอยู่ในกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบกลุ่มที่ 2 และ 3 หากไม่มีหน้ากากอนามัย ก็ไม่ควรออกจากบริเวณที่ปลอดเชื้อไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม หากมีความจำเป็นในเรื่องของอาหารและน้ำดื่ม ให้เรียกใช้บริการขนส่งเอกชนแทน เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง และหยุดการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่อาจติดต่อไปยังผู้อื่นได้

การเลือกใช้หน้ากากให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ถือเป็นการช่วยเหลือผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้อย่างแท้จริง เนื่องจากประเทศไทยของเราในขณะนี้ยังขาดแคลนหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งทางการแพทย์ และหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น การตระหนัก แต่ไม่ตระหนก ถือเป็นแนวความคิดที่จะสามารถพาเราผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้

ท้ายนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดในการป้องกันเชื้อไวรัส ไม่ใช่การใส่หน้ากากอนามัย แต่เป็นการหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านหรือพื้นที่ปลอดภัย การล้างมือบ่อย ๆ ด้วยแอลกอฮอล์ล้างมือ และการไม่สัมผัสกับอวัยวะบนใบหน้าของเราถ้ายังไม่ได้ล้างมือให้สะอาด หากทุกท่านทำตามข้อเสนอแนะที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ท่านจะไม่ต้องคิดวิธีหาหน้ากากอนามัยอีกต่อไป

Recommended Posts

Leave a Comment