ในช่วงที่ทุกคนต่างต้องกักตัวอยู่ที่บ้านนั้น แน่นอนว่าความสุขและความเพลิดเพลินต่าง ๆ จากการออกไปข้างนอกได้ถูกพรากไปเหลือจำกัดเพียงอยู่แค่ภายในบ้านเท่านั้น Virtual Concert จึงเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มในการสร้างความสุขให้กับผู้คนในยุคแห่ง New Normal ยุคที่ คอนเสิร์ต นั้นไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่พื้นที่และสร้างความสุขและความบันเทิงให้กับผู้คนเพียงเท่านั้น วิธีชมคอนเสิร์ตทางเลือกใหม่นี้ยังเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับอีกหลายคน และธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจซบเซาเช่นนี้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสไม่สามารถอาศัยเพียงแค่ทุนเดิมเพียงอย่างเดียว เพราะผู้เล่นก็ได้ฉวยโอกาสนี้เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น ปัจจัยต่อไปนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยธุรกิจเสริมสร้างความสร้างสรรค์อันนำไปสู่จุดยืนที่แตกต่างให้กับแบรนด์ได้
- Virtual Concert มากกว่าประสบการณ์ คือให้ปฏิสัมพันธ์เสมือนจริง
สาเหตุที่ว่าหลายคนในช่วงกักตัวอยู่บ้านนี้ ต่างพากันคิดถึงการออกไปตามร้านบาร์ต่าง ๆ เป็นเพราะว่าคิดถึงรสชาติอาหารจานโปรดหรือเครื่องดื่มสูตรพิเศษจากทางร้านก็อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องโดยซะทีเดียว เพราะถึงแม้ว่าจะไม่สามารถไปที่ร้านได้สิ่งเหล่านี้ก็ยังสามารถสั่งผ่านทาง Delivery ได้อยู่ ดังนั้นคำตอบที่ถูกและตรงใจกับคนเหล่านั้นมากที่สุด ก็คือพวกเขาคิดถึงบรรยากาศภายในร้าน ที่จะได้ฟังดนตรีสดไปพร้อมกับพูดคุยสังสรรค์กับผู้คนในนั้น เช่นเดียวกับสาเหตุที่ผู้คนยอมจ่ายค่าบัตรคอนเสิร์ตแพง ๆ ทั้งที่ก็สามารถนั่งฟังจากที่บ้านได้ฟรี นั่นก็เพราะว่าพวกเขาต้องการไปสัมผัสบรรยากาศจริงภายในงาน ดังนั้นถ้าหากจะสร้าง Virtual Concert ขึ้นมาแทนการการเข้าคอนเสิร์ตแล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือการสร้างบรรยากาศให้เสมือนกับของจริงให้ได้มากที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่ต่างไปจากการเปิดดู Online Concert ที่ปล่อยให้ดูฟรีได้ตามแพลตฟอร์มทั่วไป ธุรกิจจะต้องคิดหาวิธีหรือฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้คนสามารถปฏิสัมพันธ์กันได้ไม่ว่าจะเป็น ไลฟ์ คอมเมนท์ หรือปุ่มกดแสดง Interaction ต่าง ๆ ตามแพลตฟอร์ม เพราะสิ่งนี้นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างบรรยากาศที่ทุกคนหลงรักและคิดถึง จนอยากกลับมาร่วมประสบการณ์ครั้งนี้อีกครั้ง
- Line up ศิลปินคือหน้าตาของ Virtual Concert
เช่นเดียวกับคน งานคอนเสิร์ตก็ต้องการสิ่งที่เป็นหน้าตาเพื่อดึงดูดผู้คนเข้ามา สำหรับคอนเสิร์ตแล้วศิลปินก็คือหน้าตาของคอนเสิร์ตนั่นเอง หากขาดหน้าตาอย่างตัวศิลปินไปงานก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะการจัด Virtual Concert ตามนิยามนั้นก็ได้ถูกจำกัดไปแล้วหลากหลายปัจจัย โดยเฉพาะเรื่องของสถานที่จากเดิมเคยสามารถรองรับผู้ชมได้มากถึงแสนกว่าคนจนมาถึงตอนนี้เหลือเพียงแค่มากสุดรองรับได้ไม่เกินพันกว่าคนเท่านั้น อีกทั้งรายได้จากการขาย Merchandise ต่าง ๆ ที่แต่ก่อนได้จากภายในงานก็หายไป จึงทำให้การตัดสินใจลงทุนในแต่ละครั้งผู้จัดงานจะต้องมั่นใจว่าเขาจะสามารถดึงดูดผู้คนให้เข้ามารับชมมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวให้ได้เท่านั้น ซึ่งหนึ่งในการลงทุนสำคัญนั้นก็คือศิลปินที่จะเป็นใครมาจากไหนไม่ได้ แต่จะต้องเป็นคนหรือ Line up ที่สร้างอิทธิพลและดึงดูดผู้คนให้ได้มากที่สุดหรือทำให้พวกเขารู้สึกว่ามูลค่าของ Virtual Concert ครั้งนี้มันคุ้มค่าและมากกว่าราคาที่ได้เสียเงินซื้อบัตรมา
- เสริมประสบการณ์ Virtual Concert ด้วย แพลตฟอร์มขั้นกว่า
หลังจากเตรียมความพร้อมในการสร้างบรรยากาศเสมือนจริงและคัดสรร Line up ศิลปินระดับพิเศษมาแล้ว อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือแพลตฟอร์มที่จะนำมาใช้ในการถ่ายทอด Virtual Concert ครั้งนี้ ด้วยความที่ตลอดเวลาของงานที่จัดจะถูกเปลี่ยนจากสถานที่จริงไปเป็นผ่านช่องทางแพลตฟอร์ม ดังนั้นจึงสำคัญมากที่ผู้จัดจะต้องดูแลระบบต่าง ๆ ให้พร้อมกับการถ่ายทอดสด ตรงนี้จึงถือเป็นโอกาสดีในการร่วมมือกันระหว่างธุรกิจกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ และสำหรับอีกหลากหลายเจ้าเหตุการณ์ครั้งนี้ก็เป็นเหมือนใบเบิกทางในการเริ่มทำธุรกิจแนวใหม่อีกเช่นกัน เพราะถ้าหาก Virtual Concert ได้เข้ามาเป็น New Normal ของผู้คนในอนาคตจริงเราอาจจะได้เห็นธุรกิจเพิ่มขึ้นอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม Streaming จากเดิมที่มีเฉพาะฉายภาพยนตร์หรือเล่นดนตรี ก็อาจจะเพิ่มแบบใหม่ที่สามารถถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตได้โดยที่สามารถเรียกเก็บค่าใช้จ่ายรายเดิมได้เช่นเดียวกับแบบก่อน หรือว่าจะเป็นการคิดค้นอุปกรณ์เสริมสร้างบรรยากาศเสมือนจริงขึ้นมาอย่างพวก VR เพื่อใช้ควบคู่ไปกับการร่วมประสบการณ์ ก็เป็นได้
- ยกทีมงานและวิธีโปรโมทใหม่ให้พร้อมกับ Virtual Concert
การพลิกโฉมคอนเสิร์ตรูปแบบ Virtual Concert ครั้งนี้ นอกจากจะต้องเตรียมความพร้อมของฝั่งผู้ชมให้เรียบร้อยและอยู่หมัดแล้ว การปรับตัวในส่วนของทีมงานและวิธีโปรโมทต่างก็ต้องถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับ New normal ครั้งนี้ด้วยเช่นกัน อย่างเช่นในฝ่ายออกแบบสถานที่นั้นก็ต้องเปลี่ยนจากการดีไซน์สถานที่จริงมาเป็นตามแพลตฟอร์มแทน โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้หมายความว่าทีมจะได้รับผู้คนมีความสามารถใหม่และต่างจากเดิมเข้ามาช่วยงานเพิ่มขึ้น เพื่อตอบรับกับทัศนคติและแนวความคิดของผู้คนที่เปลี่ยนไปจากเดิมด้วย รวมถึงวิธีการโปรโมทและทำการตลาดต่าง ๆ เช่นกัน การใช้รูปแบบเดิมอาจรักษาฐานลูกค้าเดิมไม่ได้อีกต่อไป และยังเป็นการทำให้เสียโอกาสในการที่จะได้รับลูกค้ากลุ่มใหม่ที่จะเข้ามาอีกด้วย
ดังนั้นไม่ว่า Virtual Concert จะเข้ามาเป็น New Normal ของผู้คนหรือไม่นั้น คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลาในการตัดสิน แต่สำหรับธุรกิจแล้วการปรับตัวเพื่อกอบโกยผลกำไรที่อยู่ตรงหน้า ย่อมให้ผลที่ดีกว่าการปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปตามทิศทางของเศรษฐกิจที่ซบเซาเช่นนี้ เพราะการเริ่มทำสิ่งใหม่ในยามวิกฤตทำให้เราได้เรียนรู้ว่ากุญแจสู่ความสำเร็จไม่ได้พิสูจน์ด้วยเวลาแต่จะตัดสินแพ้ชนะกันด้วยความคิดสร้างสรรค์และการปรับตัวให้ได้เร็วมากที่สุด