เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ก็คงจะไม่พ้นเขาค้อหรือภูทับเบิก แต่ในเขาค้อ ยังมีความงามที่ไม่แพ้ที่ไหนอย่าง เขาตะเคียนโง๊ะอยู่ด้วย การเดินทางไปก็แสนจะง่ายดาย ตั้งค่าใน GPS ได้เลย รับรองว่าถึงแน่นอน ไม่มีพาลงทะเล เพราะสถานที่นี้ GPS มาร์คจุดไว้แม่นยำจริง ๆ พวกเราไปเยี่ยมเขาตะเคียนโง๊ะครั้งแรก ก็เพราะเบื่อนอนโรงแรม อยากนอนเต็นท์บ้าง อีกทั้งพวกเราเป็นช่างถ่ายภาพมืออาชีพ ชอบล่าดวงดาว ไขว่คว้าหาทางช้างเผือกมาเก็บในอัลบั้มตัวเอง ฉะนั้นการนอนโรงแรมเลยไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะยิ่งมีแสงสว่างมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นดาวได้น้อยลงเท่านั้น เราต้องการความมืดแบบ ขณะหลับตา หรือลืมตา ความมืดก็พอ ๆ กัน และแล้วเมื่อซื้อเต็นท์ใหม่ ๆ มาได้ ก็สตาร์ทรถ ขนลูก ๆ ขึ้นรถ แล้วขับตาม GPS ไปเลยค่ะ
ไปถึงเขาตะเคียนโง๊ะ ควรทำอะไรเป็นอันดับแรก?
พวกเราไปถึงช่วงบ่ายสองแล้ว ต้องบอกก่อนว่ารถยนต์ขนาดเล็ก City Car ก็ไปได้ สะดวกสบาย มีที่จอดรถไว้รองรับบนเขา จากนั้นก็จัดการไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ไปรายงานตัว ว่ามากันกี่คน เอาเต็นท์มาเอง หรือต้องการจะเช่า ค่าใช้จ่ายไม่แพงมาก ราคาเช่าเต็นท์อยู่ที่ 450 บาทต่อหลัง แต่ของพวกเรานำเต็นท์ไปเอง เค้าก็คิดแค่ค่าหัวค่ะ คนละ 100 บาท ครอบครัวเรา 4 คน แล้วก็ค่าจอดรถยนต์ คันละ 50 บาท มอเตอร์ไซค์ 20 บาท
หลังจากชำระค่าใช้จ่ายเรียบร้อยแล้ว เราก็ยังไม่ได้หันไปมองวิวอะไร มัวแต่สาละวนขนเต็นท์ลงจากรถกัน คือ เห่อเต็นท์ใหม่มาก พื้นที่กางเต็นท์ของเขาตะเคียนโง๊ะแยกลงไปอีกชั้น จากจุดที่ติดต่อเจ้าหน้าที่ พอพี่เจ้าหน้าที่บอกว่า “เอ้า ! เลือกเอาเลย จะกางตรงไหน” พอได้ยินคำพูดนั้น สติของพวกเราเริ่มมา พอมองไปรอบ ๆ “โอ้โห!!” อ่านรีวิวมายังไงเป็นแบบนั้นเลยค่ะ เห็นวิว 360 องศา แบบแท้ ๆ ไม่มีพลาดสักองศาเดียว
บรรยากาศดีไหม และ ทำไมเขาตะเงียนโง๊ะ ถึงเหมาะสำหรับนักล่าดวงดาว?
เพราะที่กางเต็นท์เป็นวงกลมล้อมรอบเขาตะเคียนโง๊ะ ทำให้ไม่ต้องคำนวนทิศทางอะไรเลย ว่า พระอาทิตย์จะขึ้นตรงไหน ตกตรงไหน คืออยู่ตรงไหน ก็เห็นพระอาทิตย์ทั้งยามขึ้น ยามตก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนสามัคคีและแบ่งปันกันมาก เพราะอยู่ตรงไหน ก็เห็นเหมือน ๆ กัน ไม่มีการแย่ง หรือ จับจองทำเลแต่อย่างใด
ยามเย็นเมื่อได้นั่งพักมองวิว ข้างหน้าเราคือหน้าผา ส่วนข้างล่างคือบ้านของผู้คนละแวกนั้น ลมพัดเย็นสบาย กลิ่นหมูกระทะเต็นท์ข้าง ๆ ลอยมา เลยทำให้พวกเราทราบว่า ที่เขาตะเคียนโง๊ะมีร้านค้าอยู่ด้านล่างนะคะ แต่พวกเราไม่ทราบข้อมูลนี้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่วางแผนจะไปพักผ่อนที่นี่ สามารถไปอุดหนุนร้านค้าก่อนทางขึ้นเขาได้ เพราะมีทั้งอาหารแห้ง น้ำดื่ม และหมูกระทะให้บริการถึงหน้าเต็นท์เราเลย
ยามค่ำคืนที่เขาตะเคียนโง๊ะ มืดสนิทมากจริง ๆ มีไฟดวงน้อย ๆ ติดตามทางเดินไปห้องน้ำนิดหน่อย ในส่วนของห้องน้ำก็สะอาดสะอ้าน ประมาณสักสองทุ่ม เริ่มมีน้ำค้างมาแล้ว และที่นี่น้ำค้างลงหนักมาก แนะนำให้พกหมวกหรืออุปกรณ์กันน้ำค้างไปด้วย
พวกเรา กับ ลูก ๆ ใช้เวลาตั้งกล้องถ่ายดวงดาวตลอดทั้งคืน เก็บดวงดาวมาได้สว่างไสวเต็มท้องฟ้า ด้านบนคือดวงดาวเจิดจ้า ด้านล่างมีพรมเป็นทะเลหมอกลอยอ้อยอิ่งนุ่มนวล คงจะเป็นเขาตะเคียนโง๊ะคือสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ไร้แสงไฟ จากหลอดไฟฟ้าใด ๆ มาแต่งแต้ม และแล้ว ประมาณ เกือบ ๆ เที่ยงคืน พวกเราก็สามารถเก็บภาพทางช้างเผือกไว้จนได้
เหตุผลที่สถานที่นี่เหมาะสำหรับนักล่าดวงดาว ถ่ายรูปดาว ก็คือความมืดตามธรรมชาติ ที่ทางเจ้าหน้าที่ไม่การเติมแต่งแสงไฟใด ๆ นอกจาก ไฟตามทางเดินดวงเล็ก ๆ เมื่อความความสว่างมีน้อยเพียงใด ดวงดาวจะปรากฏชัดขึ้นเท่านั้น แต่นักดูดาว ควรดูปฏิทินไปด้วยนะคะ ว่าวันที่เราไปเป็นข้างขึ้นหรือข้างแรม เพราะหากได้ไปในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ก็จะไม่ได้เห็นดวงดาวกัน แต่ก็จะได้นอนชมดวงจันทร์แทน ซึ่งก็เป็นบรรยากาศที่น่าชื่นใจอีกแบบ
ช่วงเช้าอากาศเย็นสบาย พอเปิดเต็นท์ออกไป พวกเราตกใจมาก นักท่องเที่ยวมาจากไหนเยอะแยะไปหมดเลยพอไปถามเจ้าหน้าที่ก็ได้ความว่า นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักที่นี่ จะพากันขึ้นมาชมทะเลหมอกยามเช้ากัน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้ไปพักที่เขาตะเคียนโง๊ะแล้ว ไม่จำเป็นต้องออกมาแย่งวิวกับใครเลย เพราะเราดื่มด่ำกับสายหมอกและดวงดาวกันตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้ว เช้านี้ก็ต้องแบ่งปันให้นักท่องเที่ยวที่เพิ่งขึ้นมาได้ชื่นชมทะเลหมอกให้ชื่นใจ
นี่แหละเขาตะเคียนโง๊ะ ความงามสำหรับนักล่าดวงดาว และสวรรค์ของอีกหลายคนที่รักการนอนเต็นท์