เมื่อช่วงกลางปี 2021 แฟนบอลของสโมสรเอฟซี บาร์เซโลน่า ต่างก็ต้องเสียน้ำตาให้กับการย้ายออกจากสโมสรของลิโอเนล เมสซี่ สุดยอดนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร หลังจากที่เมสซี่ไม่สามารถขยายสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรไปได้ ด้วยภาวะจำกัดทางการเงิน ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมา ทางสโมสรก็ได้พยายามค้นหาตัวแทนของยอดนักเตะรายนี้มาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยมีใครที่จะสามารถก้าวขึ้นมาสร้างความหวังให้กับบาร์เซโลน่าได้เลย
นักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดี ๆ หลายต่อหลายคนที่แม้ว่าฝีเท้าตอนอยู่กับทีมเยาวชนอาจจะดูน่าสนใจ มีแววจะรุ่ง แต่เมื่อก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ กลับกลายเป็นว่าพวกเขาเล่นไม่ออก และไม่สามารถพัฒนาฝีเท้าให้ดีมากไปกว่าเดิมได้ จวบจนกระทั่งวันที่ดาวเตะถนัดเท้าซ้ายร่างผอมรายหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นมา เขาคนนั้นมีชื่อว่า “ลามีน ยามาล” ที่ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเล่นระดับมันสมอง แม้จะยังอายุไม่ถึง 20 ปี แต่เซนส์การเล่นฟุตบอลเกมรุกของเจ้าหนูรายนี้ดูไม่ธรรมดา
ลามีน ยามาล คือตัวแทนของเมสซี่
สิ่งที่แฟนบอลพยายามค้นหามาโดยตลอดก็คือดาวเตะที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ในสนามได้ สามารถพลิกเกมได้ด้วยตัวคนเดียวเหมือนอย่างที่เมสซี่เคยทำให้กับทีมมานานหลาย 10 ปี และเมื่อได้เห็นการก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของยามาล ก็ทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบขึ้นมาระหว่างตำนานดาวเตะอาร์เจนไตน์ กับเจ้าหนูดาวรุ่งความหวังใหม่รายนี้ ซึ่งมี 2 ประเด็นใหญ่ ๆ คือ
1. ศิษย์เก่าจาก ลา มาเซีย โรงเรียนฟุตบอลเยาวชนของบาร์เซโลน่า
ปี 2000 คือปีที่ลิโอเนล เมสซี่ ได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมายังประเทศสเปน เพื่อเข้าสังกัดทีมเยาวชนของบาร์เซโลน่าตั้งแต่อายุได้เพียง 13 ปี ก่อนที่จะได้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2004 เมื่อตอนอายุได้ 17 ปีเท่านั้น ซึ่งอย่างที่แฟน ๆ ได้เห็นว่าตลอดระยะเวลา 17 ปีเต็ม ที่เมสซี่แสดงชั้นเชิงสุดอลังการในสนามภายใต้สีเสื้อบาร์เซโลน่านั้น เขายอดเยี่ยมเพียงใด เขากวาดรางวัลส่วนตัวและแชมป์ในระดับสโมสรได้ครบหมดทุกรายการ เป็นนักเตะจากลา มาเซียเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ทำได้ในระดับนั้น
สำหรับยามาลเขาได้ก้าวเข้าสู่ระบบทีมเยาวชนบาร์เซโลน่าตามรอยเท้าของเมสซี่เช่นกัน โดยเข้ามาเล่นในทีมเยาวชนของสโมสรเมื่อปี 2014 ซึ่งในเวลานั้นเจ้าตัวมีอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น ก่อนที่ในช่วงปี 2023 หรือในอีก 9 ปีต่อมา ยามาลจะได้ลงสนามในนามทีมชุดใหญ่เมื่ออายุได้ 16 ปีเท่านั้น และสร้างผลงานที่น่าตกตะลึงด้วยการลงสนามไป 50 เกมในฤดูกาล 2023-24 ยิงได้ 7 ประตู ทำแอสซิสต์ให้เพื่อนทำประตูได้อีก 9 ครั้งด้วยกัน เป็นปรากฏการณ์สำหรับนักเตะที่มีอายุแค่ 16 ปีเท่านั้น ซึ่งมันได้ช่วยให้เขาก้าวกระโดดสู่การติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่ ไปเล่นฟุตบอลยูโร 2024 ซึ่งเขาพาทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ได้สำเร็จ
2. ชอบเล่นริมเส้นด้านขวาเหมือนเมสซี่
ตำแหน่งการเล่นในสมัยเป็นดาวรุ่งของเมสซี่ ย่อมหนีไม่พ้นตำแหน่งตัวรุกด้านขวา ที่ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมกับนักเตะถนัดเท้าซ้ายที่เลี้ยงบอลเก่ง ๆ แบบเจ้าตัว ซึ่งก็แน่นอนว่า ยามาลซึ่งถนัดซ้ายเช่นกัน ก็โปรดปรานที่จะลงเล่นในตำแหน่งตัวรุกด้านขวาเหมือนกับเมสซี่
สไตล์การเล่นฟุตบอลของยามาลแม้จะมีรูปร่างที่เล็ก ถนัดเท้าข้างซ้ายเหมือนกับเมสซี่ เล่นฝั่งขวาเหมือนกัน แต่ถ้าหากมองลงไปให้ลึกนั้น เมสซี่มีความเป็นเพชฌฆาตที่กล้าพาบอลเข้าไปในเขตโทษแล้วสังหารเองด้วยความเด็ดขาดมากกว่า ในขณะที่ยามาลมีเซนส์ความเป็น “เพลย์เมกเกอร์” ในตัวเองที่ค่อนข้างสูง เขาจะมองหากองหน้าหรือเพื่อนร่วมทีมที่คอยวิ่งเติมเข้ามาในเขตโทษ และเจ้าตัวจะเป็นคนเปิดบอลให้จังหวะสุดท้ายไปให้เพื่อนได้ลุ้นทำประตู
ผู้นำของบาร์เซโลน่ายุคสายเลือดใหม่
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บาร์เซโลน่าได้เริ่มต้นแผนการไล่โละผู้เล่นที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปออกจากทีมหลายคน เพื่อเริ่มต้นการสร้างทีมยุคใหม่ และเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายที่สโมสรลงทุนไปกับเหล่าซูเปอร์สตาร์ค่าตัวแพงมาตลอดหลายปี โดยบาร์เซโลน่ายุคนี้จะเริ่มไม่ใช่ทีมรวมดาวเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว หากแต่เป็นทีมของเหล่านักเตะพลังหนุ่มที่มีความสด ความห้าวเป้งที่พร้อมจะปะทะทุกทีม โดยมีหัวใจสำคัญคือ “ลามีน ยามาล” ทำหน้าที่เป็นขุนศึกประจำทีม
1. กาบี้, เปดรี้ และยามาล 3 ขุนศึกสายเลือดใหม่ของบาร์เซโลน่า
ในอดีตเมื่อหลายปีก่อนนั้น บาร์เซโลน่าขึ้นชื่ออย่างมากในเรื่อง 3 ขุนศึกที่สร้างความสะพรึงให้กับเกมรับฝ่ายตรงข้าม โดยตรงกลางจะมี 2 มิดฟิลด์มันสมองอย่าง ชาบี้-อิเนียสต้า ช่วยกันปั้นเกม กำหนดจังหวะเข้าทำ ส่วนเมสซี่คืออีกหนึ่งมันสมองและตัวทะลวงประตูประจำทีม แต่เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ 3 ตำนานของทีมได้จากไปหมดแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของ กาบี้-เปดรี้ ที่จะต้องทำหน้าที่เป็นห้องเครื่องในพื้นที่กลางสนาม และวางยามาลเป็นหัวใจหลักในเกมรุกเหมือนที่ 3 รุ่นพี่ในตำนานเคยทำเอาไว้
2. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ รุ่นใหญ่ที่ยามาลจะต้องมองหาในทุกด้าน
ณ วินาทีนี้ บาร์เซโลน่าเหลือนักเตะซีเนียร์ที่มีประสบการณ์สูงไม่กี่คนแล้ว โดยนักเตะที่หลงเหลือมาจากทีมชุดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อปี 2015 เหลือแค่ มาร์ค-อังเดร แทร์ ชตีเก้น ผู้รักษาประตูชาวเยอรมันเพียงคนเดียว ซึ่งชตีเก้นคือผู้นำในแนวรับอย่างไม่ต้องสงสัย หากแต่ว่าคนที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจในแนวรุกอย่างยามาล ก็ควรจะหันไปมองและสื่อสารกับดาวเตะรุ่นใหญ่ที่คว้าแชมป์ระดับสโมสรมาหมดแล้วทุกรายการ อย่างโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าทีมชาติโปแลนด์ให้มากเข้าไว้
เลวานดอฟสกี้อยู่ในช่วงบั้นปลายอาชีพค้าแข้งก็จริง แต่ความเก๋าเกม ความคมในการทำประตูในฐานะศูนย์หน้าหมายเลข 9 ยังไว้วางใจได้เสมอ ยามาลจะต้องศึกษาการวิ่งเข้าหาบอล ณ จุดนัดพบ ดูการวิ่งทำทาง การยิงประตู และทุกสิ่งที่ตำนานเลือดโปลรายนี้ทำ และประสานงานให้ดาวยิงรายนี้เล่นให้ง่ายที่สุด และรวมถึง “ความเป็นมืออาชีพ” ที่ยามาลจะต้องศึกษาจากดาวเตะรายนี้เอาไว้ให้มาก ๆ เช่นกัน
ในเวลานี้ เราไม่สามารถคาดเดาอนาคตของลามีน ยามาลได้อย่างชัดเจนว่า ดาวเตะรายนี้จะพัฒนาศักยภาพไปได้ไกลมากแค่ไหน ที่ผ่านมามีนักเตะฝีเท้าจัด อายุน้อยมากมายหลายคนที่ก้าวขึ้นมาได้ไม่นานก็เงียบหายไป หากยามาลไม่หลงแสงสี และก้มหน้าก้มตาพัฒนาฝีเท้าเพื่อตัวเอง และเพื่อทีม คนที่จะขึ้นมาแทนเมสซี่ในฐานะนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกรุ่นต่อไป อาจจะเป็นลามีน ยามาลคนนี้ก็เป็นได้