ปัจจุบันกล้องถูกผลิตออกมามากมายหลากหลายยี่ห้อ กับอีกนับร้อยรุ่น ทำให้มือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ด้านการถ่ายภาพต้องพบกับปัญหาในการเลือกซื้อ ซึ่งเป็นปัญหาแรก ๆ ในการเริ่มต้นถ่ายภาพ แต่หากถามว่ากล้องรุ่นไหนแบบไหนดีที่สุด จะเป็นคำถามที่ตอบได้ยาก เนื่องจากกล้องที่ซื้อมาถูกใช้งานในสภาพพื้นที่และสภาพแสงที่แตกต่างกัน ทำให้ภาพที่ออกมานั้น บางครั้งก็ดี บางครั้งก็ไม่ได้ดั่งใจ
ทำความรู้จักกับกล้องแต่ละประเภท
กล้องที่เหล่าช่างภาพนิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน คือกล้อง DSLR (Digital Single-Lens Reflex) แม้แต่ในหมู่มือใหม่หัดถ่ายภาพก็ยังเริ่มต้นด้วย DSLR กันทั้งนั้น ถามว่ากล้องนี้ดียังไง? กล้องนี้มีขนาดไฟล์ที่ใหญ่ หรือพูดง่าย ๆ คือ มีความคมชัดสูง สามารถนำไป Process ในโปรแกรมแต่งภาพและยังคงไว้ซึ่งคุณภาพอยู่ ในกรณีที่ตั้งค่าไฟล์ของรูปภาพให้เป็นไฟล์ RAW (ไฟล์ที่ไม่ถูกบีบอัด) นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันให้เลือกใช้อีกมากมาย ไปจนถึงความอึดทน ยิ่งมีราคาแพงหรือหรือระดับสูง ๆ มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทนต่อสภาพแวดล้อมมากเท่านั้น
การจะดูว่ากล้อง DSLR ของเราอยู่ในระดับไหน วิธีดูอย่างง่ายคือ เลขรุ่นที่มากับตัวกล้อง ยกตัวอย่างยี่ห้อที่ได้รับความนิยมอย่าง Canon, Nikon, Sony ยิ่งเลขหลักน้อย หมายถึงยิ่งโปรและยิ่งราคาแพงแพง ตัวอย่างเช่น Canon 5D จะเป็นรุ่นโปร Canon 50D จะเป็นรุ่นเซมิโปร และ Canon 500D จะเป็นรุ่นเริ่มต้น ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือราคาที่แพงกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง รองลงมาจะเป็นในส่วนของวัสดุที่นำมาผลิต และในส่วนสุดท้ายเป็นส่วนสำคัญในการเลือกซื้อ นั่นก็คือ ระยะของเฟรม ตัวโปรจะมีระยะของเฟรมเต็ม (Full-Frame) แต่ในรุ่นเซมิโปร จะถูกครอปเฟรมให้เล็กลง เราเรียกกันว่า APS-C ในส่วนนี้หากเราเลือกใช้ Full-Frame ก็จะได้ระยะความกว้างของภาพตามที่เลนส์ของเราทำได้ แต่ถ้าหากเราเลือกใช้ตัวเซมิโปร หรือเริ่มต้น เฟรมของเราจะถูกครอปให้เล็กลงจากเดิม 1.5-1.6 เท่าแล้วแต่รุ่น ตัวอย่าง เช่น ใช้เลนส์ระยะ 50 mm. ใส่กับกล้อง Full Frame ก็จะได้ภาพที่มีระยะ 50 mm. เต็ม แต่ถ้าหากใช้กับกล้อง APS-C ก็จะต้องนำ 50 มาคูณกับ ระยะการครอปเฟรมคือ 1.5 จึงจะได้ระยะจริงที่กล้องถ่ายได้ หรือเท่ากับ 75 mm. นั่นเอง
กล้อง Mirrorless ยังคงเป็นกล้องที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการพกพา ความง่ายในการใช้งาน เพราะมีน้ำหนักเบากว่ากล้อง DSLR มาก ปุ่มกดก็น้อยกว่า และราคาที่ถูกกว่าหากเป็นเซ็นเซอร์ APS-C ผู้ที่ไม่ชอบความยุ่งยากก็ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ในส่วนของวัสดุนั้น ถึงจะมีความทนทานไม่เท่า DSLR แต่ก็แลกมาด้วยน้ำหนักที่เบาลง หากเราไม่ได้แบกไปลุยฟ้าลุยฝน ในจุดนี้ก็จะไม่เป็นปัญหา ในส่วนของเซ็นเซอร์ภายในหรือระยะของเฟรม มีการทำงานแบบเดียวกันกับ DSLR เพียงแต่ไม่มีกระจกสะท้อนภาพ โดยภาพจากเลนส์จะผ่านเซ็นเซอร์ และแสดงผลออกที่จอ LCD ทันที ในอดีตกล้อง Mirrorless ยังมีประสิทธิภาพไม่เท่ากับ DSLR ในเรื่องของความคมชัดหรือมิติของภาพ แต่ปัจจุบันมีการผลิต Mirrorless รุ่นใหม่ ๆ ซึ่งเรียกได้ว่าดีเทียบเท่า หรือบางรุ่นก็ดีกว่า DSLR เสียอีก และแน่นอนว่า Mirrorless แบบ Full-Frame มีราคาแพงเท่ากับ กล้องรุ่นโปรเลยทีเดียว
แล้วกล้องแบบไหนที่เหมาะกับคุณ
หลักจากที่ท่านรู้จักกับกล้องแต่ละชนิดแล้วว่าชนิดไหนทำอะไรได้บ้าง แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกค่ายไหนชนิดไหนดี หรือเลือกค่ายได้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าต้องซื้อรุ่นไหน กลัวเลือกมาแล้วจะถ่ายไม่คมไม่สวย ในส่วนนี้ต้องขอแนะนำว่า เลือกตามความชอบและงบประมาณที่เรามี ท่านที่พอจะมีงบประมาณอยู่บ้าง อาจจะเริ่มจาก DSLR ที่เป็นตัวเซมิโปร หรือ Mirrorless ที่เป็น APS-C ความแตกต่างของ เซมิโปรกับโปร มีเพียงแค่วัสดุและระยะเซ็นเซอร์อย่างที่กล่าวเอาไว้ แต่ช่วยให้เราประหยัดตัวงบประมาณไปได้ หรือการเลือกซื้อมือสอง ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับมือใหม่ เรียกง่าย ๆ ว่าซื้อมาให้รู้ก่อนว่าชอบจริงหรือป่าว ในส่วนของรุ่นกล้อง ก็แนะนำว่าเป็น เซมิโปรขึ้นไปจะดีที่สุด
เรื่องของภาพถ่ายที่ออกมา ไม่ว่าจะชนิดไหนรุ่นไหน หากคุณมีทักษะด้านการถ่ายภาพมากพอ รู้จักการถ่ายในสภาพแสงรูปแบบต่าง ๆ รูปจะออกมาโดดเด่นและสวยงามได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเริ่มต้น ไปจนถึงรุ่นโปร ความคมชัดของภาพหรือพื้นผิวของภาพ อาจมาจากกล้องส่วนหนึ่ง แต่หลัก ๆ มันจะมาจากเลนส์ที่และสภาพแสงที่เราเลือกใช้มากว่า ทั้งนี้ผู้ที่กังวลเรื่องของโทนสีภาพ มันสามารถปรับแต่งในโปรแกรมปรับแต่งภาพที่มีออกมาจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ยกตัวอย่างโปรแกรมที่นิยมใช้ เช่น Lightroom, Photoshop เป็นต้น
ภาพถ่ายแต่ละภาพมักมีเรื่องราวของมันเสมอ เพราะฉนั้น ภาพที่ถูกใจคุณมากที่สุดอาจไม่ใช่ภาพที่สวยที่สุด แต่เป็นภาพที่จะเก็บเรื่องราวในช่วงเวลานั้นได้ดีที่สุดต่างหาก เมื่อเราได้กล้องมาแล้ว สิ่งที่ควรทำถัดไปคือการฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญ อย่างเพิ่งด่วนสรุปว่า “ถ่ายมาแล้วไม่เห็นสวยเลย” คุณต้องไปให้ถึงที่สุดของขีดความสามารถของกล้องคุณเสียก่อน เมื่อความสามารถของคุณเหนือกว่าความสามารถของกล้องเมื่อไหร่ เมื่อนั้นคุณจะรู้เองว่า คุณควรจะเปลี่ยนมันหรือไม่ อย่างมีเหตุผล และคุ้มค่า
และกล้องชนิดสุดท้าย ที่อยากจะแนะนำนั้นก็คือ กล้องฟิล์ม อันที่จริงแล้วในส่วนของกล้องชนิดนี้ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่ที่กำลังหัดถ่ายภาพ เพราะกล้องฟิล์มมีขั้นตอนการใช้งานที่ยุ่งยาก ไม่มีจอ LCD ให้ดูภาพว่าเราถ่ายออกมามืด หรือสว่างเกินไปหรือป่าว ต้องอาศัยความชำนาญในการวัดแสงว่าตรงนี้ควรปรับเท่าไหร่ แน่นอนว่ากล้องฟิล์มไม่มีโหมด Auto เหมือนกับ DSLR หรือ Mirrorless ในการถ่ายแต่ละครั้งหากต้องการดูรูปต้องไปที่ร้านสำหรับล้างภาพฟิล์ม มิหนำซ้ำตัวม้วนฟิล์มก็หาซื้อยากและมีราคารแพงอีกด้วย แต่กล้องฟิล์มก็ถือว่ายังเป็นที่นิยมในกลุ่มสายวินเทจ ย้อนยุค แค่เห็นรูปลักษณ์ภายนอกก็ทำให้เรานึกถึงวันวาน ดังนั้น ผู้ที่จะใช้กล้องฟิล์มต้องมีความชำนาญในการถ่ายภาพพอสมควร และมีความชอบส่วนตัวเป็นพิเศษ เพราะถึงจะเก่า แต่ถ้าทราบราคากล้องฟิล์มบางรุ่นแล้ว เรียกได้ว่าต้องฉุกคิดกันอีกทีเลยดีกว่า